Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

Archive for พฤษภาคม, 2007

…เช้าวันหนึ่งกับอากาศที่แสนจะสดใจ ด้วยบรรยากาศอันร้อนระอุของเปลวแดด ณ บริเวรป้ายรถเมล์

หญิงสาวคนหนึ่งออกไปทำงานด้วยความสดชื่น กระปรี่กระเปร่า เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเมื่อคืนที่ผ่านมานั่นเอง

เธอยืนรอรถเมล์เหมือนทุกวันที่ผ่านมา แล้วก็ขึ้นรถไปทำงานตามปรกติ

วันนี้คนไม่ค่อยเยอะเหมือนทุกวัน พอจะมีที่ให้เธอยืนได้อย่างสบาย

รถวิ่งได้ไม่นานนัก ผู้หญิงวัยกลางคน(27-29 ปี) ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอ ได้ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นข้างล่าง (สงสัยเมื่อย)

ด้วยความตกใจนิดหน่อย พร้อมกับมีสติของหญิงสาวคนนั้น เธอจึงได้ประคอง หญิงที่ดูอาการแล้วน่าจะเป็นลมแดด

เธอหยิบกระดาษทิชชู่ พร้อมยาดมยี่ห้อนึง ออกมาจากกระเป๋าเธอ แล้วทำการปฐมพยาบาล ทันที

เธอนึกในใจว่าทำไม สุภาพบุรุษ ซึ่งยืนอยู่รอบๆ ไม่คิดที่จะช่วยพยุง เค้าขึ้นมา

แต่อีกใจ ก็คิดว่าไม่เป็นไร เราก็ทำได้ ไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร

หญิงสาวคนนั้นปฐมพยาบาล ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง จนได้สติ

แล้วเค้าคนนั้นก็รู้สึกตัว พร้อมบอกกับเธอว่า “เธอตั้งครรภ์ เลยรู้สึกไม่ค่อยจะสบายนัก เป็นอาการของคนแพ้ท้อง”

(ไม่เคยท้องด้วยสินะ เลยอธิบายไม่ถูก เอาไว้ให้มีประสบการณ์ตรงทางด้านนี้ ก่อนละกัน)

เพียงได้ฟัง ว่า “เธอตั้งครรภ์ ” แค่นั้น หญิงสาวนั้นขนลุกขึ้นมาทันที นึกในใจว่า “เราได้ช่วยเหลือ 2 ชีวิตเลยหรอนี่”

เค้าหันมายกมือไหว้หญิงสาวคนนั้น แล้วก็พูดว่า เค้าขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยเค้าไว้

โอ๊ย!!! ปลื้ม อย่างบอกไม่ถูก เลยจริงๆ ..

ถึงปลายทางที่หญิงสาวคนนั้นต้องลงแล้ว แต่เธอก็อดที่จะประทับใจลึกๆ ยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ ที่วันนี้เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว (จริงๆ)…

Read Full Post »

netcafe2.jpg

อินเตอร์เน็ตคาเฟ่กลางเมืองหลวง สถานพักพิงราคาเยาหนุ่มสาวญี่ปุ่น
เอเจนซี – ทาเคชิ ยามาชิตะ ไม่ใช่คนเร่ร่อน ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ เขาเป็นหนุ่มโตเกียวทุกกระเบียด แต่เดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มวัย 26 ปีผู้นี้มาอาศัยหลับในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่งทุกคืน เพราะตกงานทำให้ไม่มีปัญญาเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่

นอกจากจะถูกกว่าโรงแรมแล้ว ไซเบอร์คาเฟ่ยังมีหนังสือการ์ตูนให้อ่านเป็นร้อยเล่ม มีเน็ตให้เล่น แถมด้วยไมโครเวฟ และห้องอาบน้ำ ที่ยามาชิตะสามารถใช้ชำระล้างร่างกายตอนเช้าก่อนออกไปหางานชั่วคราวทำ

เมื่อถามว่า เขาคิดจะอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ยามาชิตะยิ้มและยักไหล่

“ผมหวังว่าสถานการณ์ของญี่ปุ่นจะดีขึ้น คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ไม่มีเงิน หนุ่มสาวหลายคนไม่มีแรงบันดาลใจ สำหรับผม ถึงไม่มีเงินแต่ผมมีความฝัน”

พอถามต่อไปว่า เขาฝันอะไร หนุ่มน้อยบอกว่า ความฝันของเขาตอนนี้อาจหมายถึงแค่การมีงานประจำทำในออฟฟิศเท่านั้น

ยามาชิตะเป็นหนึ่งในคนตกงานจำนวนมากในแดนปลาดิบ ผลพลอยได้จากวิกฤตเศรษฐกิจที่กระทบต่อการรับประกันการจ้างงานตลอดชีวิตในทศวรรษ 1990 บีบให้คนตกงานต้องยอมทำงานทุกอย่างสุดแต่จะหาได้ไปเรื่อยๆ

ด้วยรายได้ชั่วโมงละ 1,000 เยน (8 ดอลลาร์) โดยประมาณ บ่อยครั้งคนเหล่านี้ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าแพงลิบลิ่วในโตเกียว ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ที่ที่แฟลตขนาด 30 ตารางเมตรกลางตัวเมืองตกราคาเดือนละ 150,000 เยน (1,250 ดอลลาร์)

แม้ตอนนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้น แต่คนตกงานมากมายยังโหนกระแสไม่ทันเนื่องจากทำแต่งานไร้ทักษะมาหลายปี แถมบริษัทส่วนใหญ่ก็นิยมว่าจ้างบัณฑิตจบใหม่ หรือไม่ก็โอนงานพื้นฐานไปยังประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่าอย่างจีนมากกว่า

ในฐานะเจ้าของอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในย่านอูโนะของโตเกียว มาซามิ ทาเคฮาชิ จึงมีโอกาสสัมผัสความเปลี่ยนแปลงในสังคมญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

ที่มุมถนน คนไร้บ้านที่ไม่มีเงินจ่ายเพื่อให้ได้เข้ามานอนในร้านเน็ต นอนหลับอยู่ในกล่องกระดาษ

โสเภณีจีนในชุดกิโมโนยืนเรียกลูกค้า ซึ่งก็คือบรรดามนุษย์เงินเดือนขี้เมา ที่มักย่องเข้ามาหลับในร้านของมาซามิตอนดึก

มนุษย์เงินเดือนคือคนกลุ่มแรกที่ค้นพบว่า เน็ตคาเฟ่เป็นทางเลือกราคาถูกแทนที่โรงแรม หลังจากบริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจจนต้องตัดงบกินดื่มของพนักงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น และมักตามมาด้วยการค้างคืนในโรงแรม

ลูกค้ากลุ่มถัดมาคือ พวกที่คิดว่าร้านของทาเคฮาชิเป็นบ้าน หลายครั้งที่เจ้าของร้านผู้ใจดีให้คนตกงานที่มาอาศัยนอนในร้านยืมเงินด้วยความสงสาร

เน็ตคาเฟ่กลางเมืองหลวงราคาถูกกว่า ‘โรงแรมแคปซูล’ ซึ่งเป็นช่องแคบๆ ที่มีแต่เตียงสำหรับนอนเท่านั้น โดยเน็ตคาเฟ่คิดค่าบริการคืนละ 1,400-2,400 เยน (12-20 ดอลลาร์) ครอบคลุมทั้งน้ำอัดลม ทีวี หนังสือการ์ตูน และอินเทอร์เน็ต

หมายความว่าทุกคืนวันศุกร์ในชิบูยา หนึ่งในย่านบันเทิงของโตเกียว เน็ตคาเฟ่แสงสลัวจะมีลูกค้ามาใช้บริการแน่นเอี๊ยด

ที่นั่นเวลาประมาณตีสาม มีเสียงกรนสนั่นหวั่นไหวของบรรดามนุษย์เงินเดือนในชุดสูท ที่วางรองเท้าเรียบร้อยไว้หน้าห้องเล็กๆ ของใครของมัน ภายในแต่ละห้องประกอบด้วยเก้าอี้ปรับเอนได้หรือโซฟา คอมพิวเตอร์ และไม้แขวนเสื้อ

ลูกค้าอีกจำพวกคือ สาวๆ สวมส้นสูงและกระโปรงสั้นที่ตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย รวมถึงเด็กวัยรุ่นที่โกหกพ่อแม่ว่าไปค้างบ้านเพื่อน แต่มานอนคุยหรืออ่านหนังสือการ์ตูนกับแฟนในร้านเน็ต

เช่นเดียวกับคนตกงานอย่างยามาชิตะ มนุษย์ไร้บ้านเดินออกจากร้านเน็ตปะปนหายไปกับฝูงคน เพื่อค้นหาความไม่มีตัวตนและที่พักพิง

คาสึมาตะ อาดาชิ ผู้จัดการเน็ตคาเฟ่ที่ดูหรูมีระดับ มีพนักงานสวมสูทคอยต้อนรับลูกค้าอย่างสุภาพไม่ผิดกับพนักงานต้อนรับในโรงแรม บอกว่าหนุ่มสาวทุกวันนี้ไม่ค่อยแตกต่างกันนัก แต่เขาจำผู้พักพิงในคาเฟ่ได้จากกระเป๋าใบโตที่คนเหล่านี้ลากไปไหนมาไหนด้วย

“พวกเขาต่างจากพวกเร่ร่อนเพราะยังทำงานและมีเงินติดตัวบ้าง”

ปัจจุบัน ไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับจำนวนผู้ไร้บ้านที่ไปอาศัยนอนในไซเบอร์คาเฟ่ ทำให้ยากที่จะประเมินผลกระทบต่อสังคม อย่างไรก็ดี สื่อมวลชนรายงานว่า กระทรวงสวัสดิการสังคมกำลังเตรียมศึกษาเรื่องนี้ในวงกว้าง

ข้อมูลคร่าวๆ เท่าที่พบได้ในขณะนี้คือ คนตกงานจำนวนมากในวัย 20 กลางๆ ถึง 20 ปลายๆ มักค้างคืนตามเน็ตคาเฟ่เป็นเดือนก่อนที่จะสามารถลงหลักปักฐานถาวรได้

ส่วนที่แก่กว่านั้น จนกว่าและมีโอกาสน้อยกว่าในการหลบหนีออกจากชีวิตที่เคว้งคว้าง มักใช้ไซเบอร์คาเฟ่เป็นแหล่งพักพิงเวลาที่ลำบากใจเกินกว่าจะกลับไปสู้หน้าคนที่บ้าน แต่ร้านที่คนกลุ่มนี้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นร้านระดับล่างที่มีระบบระบายอากาศแย่ ห้องคลุ้งไปด้วยควันบุหรี่ และเก้าอี้นอนชั่วโมงละ 100 เยน

“มันไม่สบายเอามากๆ รับรองคุณหลับไม่ลงแน่” ลูกค้าคนหนึ่งบอก

Read Full Post »

เวลามอง ขึ้นไปบนฟ้า
ฉันนั้น เห็นแต่ภาพเธอ
อยู่ไกลกันจน สุดสายตา
รอคอยวัน ที่จะกลับมาหา
ถึงแม้ มันจะแสนนาน แสนนานแค่ไหน
อยากจะขอให้ได้พบ แค่เพียงขอให้ได้พบ
อยากจะรู้ว่าเธอเอง เป็นเช่นไร
เธอจะคิดถึง ฉันหรือเปล่า
เธอจะเหงา บ้างหรือเปล่า
จะรู้สึก แตกต่างกับ ฉันบ้างไหม
เพราะว่าเราห่าง ไกลกันเหลือเกิน
คิดถึงแต่เธอ นั้น เฝ้าแต่นับ ให้ถึงวัน
ที่เรานั้น ได้พบกัน
เราช่างห่าง ไกลกันเหลือ เกิน
ฉันเองก็ไม่รู้ เมื่อไรจะได้พบ เธอ
เวลามอง ขึ้นไปบนฟ้า
ฉันนั้นได้แต่ถอนใจ
น้ำตาก็ไหล ซึมออกมา
เราไกลกัน อยู่คนละฟากฟ้า
ไม่รู้จะอีกนานไหม และฉันเองก็จะคอย
อยากจะขอให้ได้พบ แค่เพียงขอให้ได้พบ
อยากจะรู้ว่าเธอเอง เป็นเช่นไร
เธอจะคิดถึง ฉันหรือเปล่า
เธอจะเหงา บ้างหรือเปล่า
จะรู้สึก แตกต่างกับ ฉันบ้างไหม
เพราะว่าเราห่าง ไกลกันเหลือเกิน
คิดถึงแต่เธอ นั้น เฝ้าแต่นับ ให้ถึงวัน
ที่เรานั้น ได้พบกัน
เราช่างห่าง ไกลกันเหลือ เกิน
ฉันเองก็ไม่รู้ เมื่อไรจะได้พบ
กลัววันเวลา พาหัวใจเธอ เปลี่ยนจากฉันไป
อยากจะพบ ให้ใกล้ใกล้ ให้ตัวฉันได้มั่นใจ
ว่าทุกสิ่ง จะไม่เปลี่ยนไปจากนี้
เพราะว่าเราห่าง ไกลกันเหลือเกิน
คิดถึงแต่เธอ นั้น เฝ้าแต่นับ ให้ถึงวัน
ที่เรานั้น ได้พบกัน
เราช่างห่าง ไกลกันเหลือ เกิน
ฉันเองก็ไม่รู้ เมื่อไรจะได้พบ
ห่าง ไกลกันเหลือเกิน
คิดถึงแต่เธอ นั้น เฝ้าแต่นับ ให้ถึงวัน
ที่เรานั้น ได้พบกัน
เราช่างห่าง ไกลกันเหลือ เกิน
ฉันเองก็ไม่รู้ เมื่อไรจะได้พบ เธอ

Read Full Post »

..คนเรารักกันยาก
รักกันยากรักลำบากรักลำบน
ดูใครรักสักคน
โถทุกข์ทน เสียจนหม่นหมองหมาง
คนเรารักกันมาก
รักกันมาก ถึงใจครากถึงใจคราง
ซานซมล้มตายพลาง
เห็นวายวาง แล้วมันช่างเศร้าทรวง
คนเรารักกันยากจริงหนอ
เคยเห็น เขาคลอรักควง
เปรอปรนรักเสียจนอกกลวง
รักลวงยังผลาญทรวงเอาได้
คนเรารักกันยาก
รักกันยาก แล้วยังอยากรักกันไป
ทำไมหนาทำไม
หาใครใคร รักง่ายง่าย ไม่มี.
…………………………………………..

Read Full Post »

คนที่รอคอย

banjo_notes_fly_out_ha.gif

ได้มาพบเธอ..จึงรู้ว่าเจอคำตอบ

เปิดใจได้เลยว่าชอบ ตั้งแต่วันแรกพบกัน

เคยอยู่คนเดียว..ขับเขี้ยวชีวิตสู้..งาน

คำถามทำเพื่อใครกัน..วันนี้สวรรค์ให้เธอเฉลย

ดังคนคุ้น..เคย..ใช่เลยที่ใจเฝ้าคอย

เธอเป็นเหมือนแสงหิ่งห้อย..

มาส่องใจที่เฉย..เมย

ให้มองเห็นทาง.เดินห่างความเหงาคุ้นเคย

ทางใจที่ใครผ่านเลย

จะลงเอยถ้าเธอมาเริ่ม….

เติมความสุขลงในช่องว่าง

ห้องนอนอ้างว้าง..หากมีผู้มาช่วยเติม

มีเธอเคียงคู่..แม้นดูทีวีเครื่องเดิม

ไม่ต้องปรับแสงเหงาเพิ่ม

ก็เติมสุขได้เสมอ…..

ได้มาพบเธอ…จึงรู้ว่าเจอคำตอบ

หากเธอเผยใจว่าชอบ

คงสอบผ่านความ..ละเมอ

คนที่รอคอย.อย่าให้หลุดเมื่อเจอ

ใจร้างรอช่างคือ.เสนอรักมาซ่อมแซม..

********************************

Read Full Post »

p.jpg

การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน

ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ

“คน” เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก และด้านลบ อยู่ในนั้น

อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป

เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว

อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป

เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น

อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป

เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว ….

อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป

เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง

อย่าควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป

เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด

อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากเกินไป

เพราะถ้าคน ๆ นั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้

คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที

…อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง…

อย่าฝากชีวิตของคุณไว้กับใคร…เพราะเมื่อเค้าจากไปคุณเองนั่นแหละที่จะเจ็บปวด……….

Read Full Post »